Investors 4.0

Bitmex คืออีกหนึ่ง exchange ที่เราสามารถเทรดแบบ margin ทั้งขาลง ขาขึ้นได้ มีมาร์จิน (การกู้ยืม ) ตั้งแต่ระดับ 1x - 100x ( คือจำนวณเงินที่เราสามารถกู้ยืมจากตลาดได้ ) เช่น สมมุติเราโอนเหรียญเข้าไป 1 BTC เท่ากับว่าเราสามารถเพิ่มจำนวณเงินในการเทรด ได้มากสุดถึง 100 เท่า ของพอตเรา ก็เท่ากับ 100BTC นั้นเอง ข้อควรระวังในการเล่นแบบนี้ ไม่เหมือนที่เราเล่นแบบปกติคือ มันจะมีการบังคับล้างพอต ถ้ากราฟหรือราคาวิ่งผ่านที่ราคา Liquidation price คือ ถ้าราคาวิ่งผ่าน คือมันจะเทขายเองอัตโนมัติ หรือที่เราเรียกว่า ล้างพอตนั้นและ มันค่อนข้างมีความเสี่ยงอยู่พอสมควรต่างจากการเล่นซื้อขายแบบทั่วไป ( เพราะมนุษย์มีความโลภ ว่ามีเงินน้อยก็สามารถเทรดได้ทีล่ะเยอะด้วยวิธีการเล่นแบบนี้ ) ซึ่งมันจะต่างกับการที่เราเล่นอยู่ตลาด Bx, Binance ทั่วไปที่เราซื้อเหรียญเพื่อหวังให้มันขึ้น ต่อให้เราดอยแค่ไหนเราก็ยังถืออยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ รอวันมันกลับมาอีกครั้ง หน้าตาของมันเมื่อเรา ล๊อกอินเข้าไปใช้งาน ขั้นตอนแรก หลังสมัคร เข้าต้องโอน BTC เข้าไปก่อนเพื่อที่จะซื้อขายได้ หลังจากนั้นเราก็มาเริ่มทดสอบกันว่า การ short หรือ

ก่อนอื่น การจะเข้าตามกราฟที่ผมส่งคือ " ต้องกล้าตัดสินใจ"  ถ้าผมบอกเป้า บอกราคา Cutloss ในกราฟคือ ต้องเข้าเลย หรือ แค่ดู อย่าวิ่งตามกำไร ถ้ากราฟมันวิ่งไปแล้ว ( ผมไม่เคยวิ่งตามกราฟ ตามกำไร )  ต้องเข้าตอนที่ผมส่งกราฟทีแรก (ไม่ใช่กราฟที่ผมอัพเดททีหลัง)  กฏเหล็กที่ผมใช้ทุกๆวันในการเทรดคือ  1) ผมต้องบริหารความเสี่ยง (RISK REWARD)  ก่อนเข้าเทรดผมจะต้องดูก่อนว่ามันคุ้มมั้ยในการที่จะเข้าเทรด RR อย่างต่ำที่ผมจะเข้าเทรดคือ 1 ต่อ 2 (คือเสี่ยง 1 ต้องได้มา 2) 2) ต้องรู้จักเอากำไรระหว่างทาง   (Take Profit) ตรงหน้า อย่าหวังว่ากราฟมันจะไปตามเป้าตลอด เพราะมันไม่ได้แน่นอน 100% ขนาดนั้น ต้องรู้จักขายเอากำไร ครึ่งหนึ่ง ถ้ากราฟมันวิ่ง หรือ สูตร 50/50 ที่ผมชอบพูด ในห้องแชท 3) การคัทลอส (Cut Loss) ถ้าใครที่ตามผมมาสักพัก ทุกคนจะรู้ว่าผมจะให้ความสำคัญกับการคัทลอสมากๆ พอๆกับการคำนวณ Risk Reward เลยและ ต่อให้ผมคัทลอสไปแล้วกราฟมันกลับมา ผมก็จะไม่เสียดาย เพราะมันจะทำให้การตัดสินในการเทรด ต่อไปเสียหาย มันจะช่วยเราในระยะยาว เหมือนมันช่วยผมให้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ งั้นมาดูกราฟที่ผมส่งให้

ถ้าเกิดมาแล้วเจอแต่เรื่องง่ายๆในชีวิต มันจะเรียกว่าชีวิตได้อย่างไร ก้าวข้ามเรื่องแย่ๆ พวกนั้น แล้วเราจะภูมิใจในตัวเองที่ได้เกิดมาเป็นคน  ✌️ 1. Believe in Yourself. (เชื่อมั่นในตัวเอง) เราทุกคนเกิดมามีสองเวอร์ชั่น กระชากหน้ากากอีกเวอร์ชั่นของตัวเราออกมา เวอร์ชั่นที่ดีกว่าตอนนี้ เราทุกคนแตกต่างจากคนอื่นๆ มันต้องมีบางอย่างที่เรามีดีกว่าคนอื่นๆที่คนอื่นไม่สามารถทำได้แต่ตัวเราทำได้ ถ้าเราค้นพบสิ่งนั้น ฝึกฝนมัน แล้วใช้มันเปนเป้าหมายในชีวิต 2. Care a little less. (สนใจเรื่องชาวบ้านให้น้อยลง) ถ้าเราเอาแต่สนใจเรื่องคนอื่น เรื่องที่ไม่มีผลต่อชีวิตเรา แรงกระตุ้นในตัวเราก็จะค่อยๆจางหายไป สนใจตัวเองให้มากๆ อย่าไปสนใจว่าคนอื่นคิดยังไงกับเรา อย่ากลัวที่จะล้มเหลว ทุกคนล้วนเคยล้มเหลวมาในชีวิต ถ้าเราทำได้ จะไม่มีอะไรมาถ่วงเราในการที่จะเดินก้าวไปข้าหน้า 3. Patience.(ต้องใจเย็น) ทุกอย่างที่มีคุณค่าไม่ได้มาง่ายๆ ต้องอาศัยเวลา เชื่อมั่นในตัวเอง, เชื่อมั่นความคิดของตัวเอง, เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง ถ้าเกิดมันไม่เปนไปตามสิ่งที่คิดไว้แต่ถ้าเรายังทำมันต่อไปก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ สักวันเราจะถึงจุ

Limit , Market , Stop-Limit  Orders นี้แตกต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนมีหน้าที่ไว้ทำอะไรยังไง Limit Order ตัวนี้เรามีไว้กำหนดเวลาซื้อขายเอง ว่าเขาอยากซื้ออยากขายที่ราคาเท่าไร เราก็จะได้ราคาที่เรากำหนดเอง ( ซึ่งบางทีเราอาจจะได้ราคาที่เรากำหนดหรือไม่ขึ้นอยู่กับแรงซื้อขาย ณ ตอนนั้นด้วย ) ยกตัวแย่างเช่น เราตั้งขาย ที่ 600 แต่ว่า ราคาไม่เคยมาถึง 600 Order เราก็จะไม่ Filled ก็คือเราต้องลดราคาลงเพื่อให้ order เรา filled เพื่อที่เราจะได้อยู่ในเทรด ณ ตอนนั้น Market Order  ตัวนี้คือเราจะได้ราคาที่ตลาดกำหนดซื้อหรือขาย ณ ตอนนั้นเลย order เราก็จะ Filled แบบไม่ต้องรอ เหมือน Limit Order ( Market Order มีทั้งข้อดีและไม่ดี ถ้าเกิดว่าราคามันเหวี่ยงมากๆผมไม่แนะนำให้ใช้ ) เพราะแทนที่เราจะได้กำไรเยอะ บางทีถ้าราคาเหวี่ยง Order ที่เขากดซื้อขายไป ก็จะเหวี่ยงไปที่ราคาตลาด ณ ตอนนั้นด้วย เวลาเรา Submit ซื้อขาย orders ไปแล้วเนี่ย เราจะได้ ราคาซื้อขาย ตามบ๊อกสีน้ำเงินในภาพ ซึ่งราคามันเหวี่ยงขึ้นหรือลงได้ตลอดเวลา Market order ดีอย่างแค่เราไม่ต้องใส่ราคาเอง order ที่ submit เข้าไปก็จะ Filled เลยทันทีไม่

ถ้าใครที่เล่น Binance อยู่คงพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า วิธีการเดียวที่จะเอาเงินเข้าไปเทรดในนั้นได้คือ การซื้อ เหรียญต่างๆโอนเข้าไปแล้วก็นำไปเทรด ตัวฐานหลักๆ ที่เทรดใน Binance มีอยู่ 4 เหรียญด้วยกันคือ BNB, BTC, ETH, USDT  ส่วนมากใน Binance คนทั่วไปจะนิยมใช้ BTC, ETH เป็นฐานในการเทรดกับเหรียญอื่นๆ คนส่วนมากเวลาเทรดเสร็จแล้วเนี่ยคงไม่รู้วิธีพักเงินใน Binance ทำแบบไหน เพราะเท่าที่เห็นคือ เขาก็จะถือ BTC, ETH ไว้ในมือหลังเทรดเสร็จ จริงอยู่ทำแบบนั้นก็ได้ แต่มันก็มีความเสี่ยง เนื่องด้วยเหตุผลที่เวลา BTC, ETH นั้นมีเรทที่ไม่คงที่ตลอดเวลา ถ้าเกิดว่าเรทมันเพิ่มคุณก็โชคดีได้เงินเพิ่มมาฟรีๆ แต่ถ้ามันลดลงล่ะคุณก็เสียเงินทิ้งฟรีๆ เหมื่อนกัน ( ผมโดนมาแล้วกับตัวเสียไปเป็นแสนบาท ) ดังนั้นวันนี้ผมเลยจะมาแนะนำบอกวิธีพักเงินหลังเทรดเราทำได้ยังไง โดยที่ให้เรามีเงินในมือหลังเทรดที่คงที่ ไม่เพิ่ม ไม่ลด คล้ายๆกับว่าเราถือเงินสดอยู่ในมือ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการถือเงินที่คงที่หลังเทรด เราก็ต้องนำ BTC, ETH ที่ได้หลังเทรด ไปแลกเป็น USDT.  USDT นี้เปรียบเสมือน เงินดอลลาร์ ที่ค่า 1 ต่อ

การลงทุนหลักๆ   ที่พวกเราทำกันอยู่เนี่ย แบ่งออกเป็น 4 อย่างหลักๆ คือ การเทรดรายวัน, ซื้อเก็บเกร็งกำไรระยะยาว, ขุดทำเหมืองออนไลน์, และก็ปล่อยกู้กินดอกเบี้ยรายวัน ผมจะแยกเป็นข้อๆให้ฟัง ว่าแต่ล่ะตัวมันเป็นแบบไหน อะไรยังไง มีผลตอบแทนแบบไหน มีเสี่ยงแค่ไหน ต้องทำล่ะเตรียมตัวยังไง ก่อนลงทุนเราควรศึกษาก่อนว่าเราชอบแบบไหน แบบไหนที่เราทำแล้วคิดว่าตอบโจทย์เรามากที่สุด 1.) การ Trade รายวัน (ระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 8/10) การเทรดรายวันนี้เหมาะสำหรับคนที่พอมีความรู้เรื่องกราฟ (ต้องใช้เวลาศึกษานานพอสมควร) การอ่านกราฟอยู่บ้าง เช่น ควรรู้ว่าจะต้องเข้าซื้อตรงไหน เทขายออกจากเทรดตอนไหน ถ้าไม่รู้เรื่องพวกนี้ ก็เหมือนเอาเงินไปโยนเข้ากองไฟทิ้งๆเฉยๆ ความเสี่ยงที่ขาดทุนจึงสูง เลยทีเดียว เพราะโชคไม่ได้อยู่ข้างคุณเสมอไป ( ผมมีประสบการณ์มาก่อน ผมเจ็บมาเยอะ 555+ ) ถ้าคิดว่าวิธีนี้เหมาะกับคุณก็สมัครตามลิ๊งนี้ได้เลยครับ >> https://www.binance.com/?ref=11530536 << 2.) การซื้อพวกสกุลเงินดิจิตอลเก็บไว้เกร็งกำไรระยะยาว (ระดับความเสี่ยงอยู่ที่ 5/10 ) วิธีนี้ถือว่าไม่ยากมากถ้าจะซื้อแล้วถือเก็